
ความสำคัญ
การดำเนินงานของผู้ค้าของ OR อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบ ทั้งในเชิงบวกและในเชิงลบ ซึ่งเนื่องด้วยลักษณะการประกอบธุรกิจของ OR ที่ครอบคลุมกิจกรรมธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้ความเสี่ยงของผู้ค้าปรากฏในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ต้องทำงานร่วมกับผู้ค้าขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม อาจมีผลกระทบต่อชุมชนหากไม่มีมาตรฐานการขนส่งที่ปลอดภัย ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Café Amazon ต้องทำงานร่วมกับผู้ค้าเกษตรกรผลิตเมล็ดกาแฟ อาจมีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อมหากมีการปลูกกาแฟที่ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ หรือผลกระทบทางบวกต่อการจ้างงานในพื้นที่ ผลกระทบดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากกิจกรรมธุรกิจของ OR โดยตรง แต่ OR ตระหนักดีถึงบทบาทองค์กรในฐานะผู้ซื้อที่สามารถมีส่วนส่งเสริมความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ดังนั้น OR จึงมุ่งส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ผ่านการบูรณาการมาตรฐานการทำงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Good Governance: ESG) เข้าสู่นโยบาย การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน OR ดำเนินการเพื่อมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทานจะไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม
นอกจากการส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรแล้ว OR ยังเห็นความสำคัญของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานในการส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการต่าง ๆ ภายใต้กลยุทธ์ “S – SMALL” ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบกลยุทธ์ SDG ของ OR
เป้าหมาย ปี 2566
แนวทางการบริหารจัดการ
นโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง
OR ประกาศเจตนารมณ์ของบริษัทในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรร-มาภิบาล (ESG) อย่างชัดเจน โดยมีการกำหนดนโยบายจัดซื้อจัดจ้างผนวกอยู่ในแนวทางการบริหารจัดการแบบกลุ่ม OR (OR Group Way of Conduct 2020) รายละเอียดนโยบายจัดซื้อจัดจ้างประกาศในหน้า 72 ของแนวทางการบริหารจัดการแบบกลุ่ม OR: คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม
แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า(Supplier Sustainable Code of Conduct)
OR ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า OR (Supplier Sustainable Code of Conduct: SSCoC) เพื่อระบุมาตรฐานในการทำงานที่ผู้ค้าของ OR ควรปฏิบัติตามตลอดการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านจริยธรรมทางธุรกิจ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความปลอดภัย และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม OR สื่อสารรายละเอียดของแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้าให้แก่ผู้ค้าทุกราย ผ่านการส่งสารอิเล็กทรอนิกส์และการผนวกหัวข้อด้านแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนในการจัดการอบรมผู้ค้าประจำปี โดยมีข้อกำหนดให้ผู้ค้าทุกรายที่มีการดำเนินธุรกิจกับ OR ลงนามรับรองเอกสารก่อนเข้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

ดาวน์โหลดเอกสาร แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า OR (OR Supplier Sustainable Code of Conduct)
ทั้งนี้ ในปี 2566 ผู้ค้าทั้งหมดได้มีการลงนามรับรองแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า

กลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management Strategy: SCM Strategy)
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดทิศทางและกำกับดูแลกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานด้าน ESG ของผู้ค้า เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างสอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจขององค์กร โดยกลยุทธ์การบริหารจัดการผู้ค้าประกอบด้วย 5 หลักการ ได้แก่
- Perceptibility: มุ่งมั่นในการส่งเสริมให้เกิดความตระหนักและการรับรู้ของผู้ค้าในการปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
- Cost Effectiveness: ส่งเสริมให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความคุ้มค่า เหมาะสมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับ
- Centralized and Digitalized Approach: มุ่งเน้นการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบรวมศูนย์ เพื่อให้มีการปฏิบัติงานที่มาตรฐานเดียวกันในทุกๆ ธุรกิจ รวมถึงการยกระดับการดำเนินงานระหว่างบริษัทและคู่ค้าให้เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น
- ESG Risk Management: ควบคุมการดำเนินงานของคู่ค้าให้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงในประเด็น ESG อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
- Standard of Service and Material: กำหนดมาตรฐานของคุณภาพผลิตภัณฑ์และการให้บริการ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทได้รับสินค้าและการบริการที่มีคุณภาพ และเป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท

ทั้งนี้ OR ตระหนักดีว่าผู้ค้าจะไม่สามารถดำเนินการด้าน ESG ได้เลย หากไม่มีสภาพคล่องตัวทางการเงินเป็นขั้นพื้นฐาน OR จึงระบุระยะเวลาการชำระเงินไว้ใน TOR โดยระบุไว้ที่ไม่เกิน 30 วัน ภายหลังจากมีการส่งสินค้าหรือบริการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ทำกับแต่ละผู้ค้า
ผลการดำเนินงานปี 2566 บรรลุเป้าหมาย ดังนี้

ภาพรวมการบริหารจัดการผู้ค้า
ผู้ค้าของ OR แบ่งออกตาม 5 กลุ่มธุรกิจหลักของ OR ตาม Value Chain ซึ่งในปี 2566 OR มีผู้ค้ารายตรง (Tier-1) ทั้งหมด 715 ราย รายละเอียดกลุ่มธุรกิจ ตัวอย่างผู้ค้าที่สำคัญ และมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง ปรากฎดังต่อไปนี้
|
กลุ่มธุรกิจ |
ตัวอย่างผู้ค้าที่สำคัญ |
มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง (พันล้านบาท) |
| กลุ่มผลิตภัณฑ์ ปิโตรเลียม |
|
6,371.16 |
| กลุ่มธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน (พีทีที สเตชั่น) |
|
41.55 |
| กลุ่มธุรกิจ Lubricant |
|
94.71 |
| กลุ่มธุรกิจ LPG (ยกเว้น ก๊าซ LPG) |
|
61.55 |
| กลุ่มธุรกิจ Café Amazon |
|
52.33 |
OR มีกระบวนการบริหารจัดการผู้ค้าของ OR ประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่

OR ได้ผนวกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ตลอดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยกำหนดเกณฑ์ด้าน ESG เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารสัญญาต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย(OHS) การบริหารจัดการความเสี่ยงและสภาวะวิกฤต และการจัดการพลังงาน
นอกจากนี้ ในการสรรหา/จัดจ้างผู้ขนส่ง ในสัญญาจ้างระยะยาว OR มีกระบวนการพิจารณาคัดเลือก ผู้มีสิทธิ์เสนอราคาจะต้องเป็นผู้ขนส่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียน Approved Vendor List ในงานขนส่งก่อน ซึ่งจะต้องผ่านการประเมินศักยภาพการบริหารงานการขนส่งฯ มี หลักเกณฑ์อ้างอิงตาม PTT Group Road Safety Management Guideline ซึ่งประกอบด้วยการประเมิน 5 ด้าน (5 Pillars) ได้แก่ 1) การจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม (SHE) 2) การบริหารจัดการผู้ขับขี่ 3) การบริหารจัดการเส้นทาง 4) การบริหารจัดการรถขนส่งและอุปกรณ์ และ 5) การบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเกณฑ์ในการประเมินนั้นไม่เพียงแต่ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลผู้ให้บริการขนส่ง แต่ยังมีการพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ จากการให้บริการงานขนส่งด้วย
1. การคัดเลือกผู้ค้า (Supplier Screening)
OR คัดเลือกผู้ค้าโดยพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องต่อธุรกิจ โดยในเบื้องต้น ผู้ค้าทุกรายที่จะขึ้นทะเบียนผู้ค้าของ OR (OR Approved Vendor List : OR AVL) ผู้ค้าจะต้องส่งเอกสารแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Qualification : Pre-Q) ตามหลักเกณฑ์ที่ OR กำหนด เพื่อใช้ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ค้า ซึ่งครอบคลุมเกณฑ์การพิจารณาต่าง ๆ เช่น สถานะการจดทะเบียนบริษัท ฐานะทางการเงิน มาตรฐานด้านคุณภาพ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนถนโยบายและการจัดการด้านความยั่งยืน รวมถึงให้มีการทำแบบประเมินตนเองด้าน ESG (Supplier Self-Assessment Questionnaire : SAQ) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ข้อหนึ่งในการพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Qualification : Pre-Q) ของผู้ค้า
โดยคำถามในแบบประเมินตนเองด้าน ESG (SAQ) ประกอบด้วยคำถามที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน การกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงสิทธิมนุษยชน และประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องต่อธุรกิจ (Environmental, Social, Governance and business Relevant)
หน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างจะทำการตรวจสอบเอกสารแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น (Pre-Q) และผลการประเมินตอนเองด้าน ESG (SAQ) ของผู้ค้า และอาจมีการขอหลักฐานเอกสารเพิ่มเติม เช่น เอกสารรับรองระบบการจัดการด้านคุณภาพ (ISO9001) ด้านสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย (ISO 45001) เป็นต้น เพื่อตรวจสอบและยืนยันคุณสมบัติของผู้ค้า ทั้งนี้ในส่วนของผลการประเมินตนเองด้าน ESG ตามเอกสาร SAQ ผู้ค้าจะต้องได้คะแนนรวมมากกว่า 60% จึงจะถือว่าผ่านเกณฑ์และสามารถขึ้นทะเบียนผู้ค้าของ OR ได้ (Approved Vendor List: AVL) หากผู้ค้าได้คะแนนในส่วนของ ESG ไม่ถึง 60% ผู้ค้าสามารถขอคำแนะนำจากหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างของ OR และดำเนินการแก้ไขปรับปรุง เพื่อสมัครขึ้นทะเบียนผู้ค้า OR Approved Vendor List ครั้งถัดไปได้
โดยผลการประเมินตนเองด้าน ESG จะถูกรวมเข้ากับเกณฑ์การประเมินด้านอื่น ๆ ในการคัดเลือกผู้ค้าต่อไป นอกจากนี้ผู้ค้าที่มีผลการประเมินการปฏิบัติงานที่น้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ อาจจะถูกถอดถอนออกจากทะเบียนผู้ค้า หรือยกเลิกสัญญา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ค้าหรือผู้ขนส่งที่ส่งมอบสินค้าหรือบริการให้กับ OR มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกับข้อกำหนดและความคาดหวังของ OR
ดังนั้น ผู้ค้าที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี มีโอกาสผ่านการคัดเลือกเข้าสู่ทะเบียนผู้ค้าของ OR รวมถึง การทำสัญญาจ้างมากกว่า (เนื่องจากมีคะแนนด้าน ESG ที่ดีกว่า) แสดงให้เห็นว่า OR มีการคัดกรองและประเมินผู้ค้าทุกราย (100%) ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการทำสัญญา โดยใช้เกณฑ์ ESG ข้างต้น ทั้งนี้ผู้ค้าสามารถ หารือร่วมกับ OR ในการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ยังไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ค้าจะสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามข้อกำหนดของ OR
ในปี 2566 มีผู้ค้ารายสำคัญทั้งหมด 11 ราย โดยได้มีการทำแบบประเมินตนเองด้าน ESG ทั้งหมด 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 100% ของผู้ค้ารายสำคัญทั้งหมด

หลังจากที่ผู้ค้าได้ผ่านเกณฑ์ตามกระบวนการคัดกรองคุณสมบัติผู้ค้าในแต่ละกลุ่มงานที่ OR กำหนดและขึ้นทะเบียนใน Approved Vendor List แล้ว ผู้ค้าจะได้รับสิทธิในการประมูลงานที่อยู่ในกลุ่มงานที่ประกาศใช้แล้ว
เมื่อผู้ค้าเข้าร่วมการประมูลงาน หน่วยงานภายใน OR ที่เป็นผู้จัดหาสินค้านั้นจะระบุเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ค้า โดยพิจารณาประเมินเกณฑ์ด้านราคา (Price) และ เกณฑ์ทางด้านผลการดำเนินงาน (Performance) รวมถึงคุณสมบัติตามที่ OR กำหนด ซึ่่งอาจรวมถึง คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ และตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน เช่น ระบบการบริหารจัดการแรงงานที่เคารพสิทธิแรงงาน แนวทางในการลดก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น และคำนวณออกเป็นคะแนนของผู้ค้า โดยสัดส่วนการใส่ประเด็นด้านความยั่งยืนนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน/ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดำเนินการจัดหาตามประเด็นความสำคัญที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ผู้ค้าที่มีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเกณฑ์การพิจารณาด้านความยั่งยืนของ OR จะได้รับคะแนนในส่วนนี้ และมีโอกาสได้รับการคัดเลือกสูงขึ้น (เมื่อเทียบกับผู้ค้ารายอื่นที่มีคะแนนด้านราคาใกล้เคียงกัน)
การประเมินความเสี่ยงและการจัดกลุ่มผู้ค้า (Supplier Risk Assessment/Screening and Critical/ Significant Supplier Identification)
หน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างของ OR จัดทำการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG และการจัดกลุ่มผู้ค้าอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาข้อมูลและแนวโน้มความเสี่ยงในระดับประเทศ อุตสาหกรรม และประเภทของวัตถุดิบ โดยประเด็นสำหรับการประเมินความเสี่ยงผู้ค้ามีดังนี้
- การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยมีตัวอย่าง ดังนี้
Environment (E) | Social (S) | Governance (G) | ความเกี่ยวข้องทางธุรกิจ |
|---|---|---|---|
• การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs Emissions)
• มลพิษทางอากาศ (Air Pollution) • การจัดการพลังงาน (Energy Management) • การจัดการน้ำและน้ำเสีย (Water and Wastewater Management) • การจัดการของเสียและวัตถุอันตราย (Waste and Hazardous Materials Management) • ผลกระทบด้านความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศวิทยา (Ecological impact) • การจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืน (Sustainable Raw Material Sourcing) • การหมุนเวียนผลิตภัณฑ์ ตลอดวงจรชีวิต (Circular Product Life Cycle) • การป้องกันและคุ้มครองการตัดไม้ทําลายป่า(Deforestation Prevention and Protection) | • สิทธิมนุษยชน (Human Rights)
• การบังคับใช้แรงงาน (Forced Labour) • การใช้แรงงานเด็ก (Child Labour) • ชั่วโมงการทํางานตามที่กฎหมายกำหนด (Working Hours) • ค่าจ้างและสวัสดิการ(Wages and Benefits) • การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม (Fair Treatment) • ความหลากหลายทางสังคม และการไม่แบ่งแยก(Social Diversity and Inclusion) • การไม่เลือกปฏิบัติ และความเท่าเทียมทางสังคม (Non-discrimination and Equality) • อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety) • ชุมชนสัมพันธ์ (Community Relations) • ความปลอดภัยจากอัคคีภัย (Fire Safety) • สุขอนามัยอุตสาหกรรม (Industrial Hygiene) • สวัสดิการและความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Welfare and Satisfaction) • การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Capital Development) • การปฏิบัติด้านแรงงาน (Labor Practices) • การมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement) | • การต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชัน (Anti-corruption and Bribery Implementation)
• การแข่งขันที่เป็นธรรม (Fair Competition) • กลไกการรายงานที่โปร่งใส (Transparent Reporting Mechanism) | • การส่งมอบผลิตภัณฑ์และ / หรือบริการ (ด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ) Delivery of products and/or services (quality, efficiency, and performance) |
- การประเมินความสำคัญของผู้ค้า (Criticality/Business Relevance) ครอบคลุมปัจจัยดังต่อไปนี้
- ลักษณะสินค้าและการให้บริการผู้ค้า
- การวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละกลุ่มสินค้าและการให้บริการ (High-volume Suppliers)
- ระดับความสำคัญของสินค้าและการให้บริการ (Critical Component Suppliers) และ
- ระดับความเสี่ยงของการเลือกใช้ผู้ค้าจำนวนน้อยราย (Non-substitutable Suppliers)
OR ดำเนินการประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงระดับสากล ระดับประเทศ ความเสี่ยงในภาคธุรกิจ รวมถึงความเสี่ยงจากสินค้าและบริการ (Commodity) ที่เกิดจากการสินค้าหรือการให้บริการของผู้ค้า โดยประเด็นความเสี่ยงต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
ความเสี่ยงระดับสากล (Global Risk): ภาพรวมความเสี่ยงในปี 2566 ประกอบด้วย จากความขัดแย้งระหว่างประเทศหรือสงครามส่งผลให้เกิดความผันผวนของราคาพลังงาน การหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานในระดับโลก และวิกฤตทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหารที่เพิ่มมากขึ้น เช่น การขาดแคลนอาหารหรือการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพ
ความเสี่ยงระดับประเทศ (Country Risk): การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่สูง อัตราดอกเบี้ยที่สูง และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ความเสี่ยงในภาคธุรกิจ (Sector Risk): OR พิจารณาความเสี่ยงในอุตสาหกรรมที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบใน 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจพลังงานและธุรกิจค้าปลีก ซึ่งความเสี่ยงหลักที่พบ ได้แก่ วิกฤตการจัดหาพลังงาน ความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียง แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และวิกฤตห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
ความเสี่ยงจากประเภทของสินค้าและบริการ (Commodity): เมล็ดกาแฟดิบ เป็นวัตถุดิบหลักของธุรกิจ Café Amazon การขาดแคลนเมล็ดกาแฟดิบ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพที่รุนแรงขึ้น ถือเป็นความเสี่ยงหลักของธุรกิจ Café Amazon ดังนั้น OR จึงกำหนดกลยุทธ์ในการจัดหาเมล็ดกาแฟดิบ จากหลากหลายช่องทาง เพื่อป้องกันและเตรียมรับมือต่อปัญหาการขาดแคลนดังกล่าว
OR มีการประเมินกลุ่มผู้ค้าที่มีความสำคัญ Strategic/Significant (Significant)/Critical และกลุ่มผู้ค้าที่มีความเสี่ยงด้าน ESG (High-risk ESG) เป็นประจำทุกปี โดยครอบคลุมผู้ค้าสำคัญทางตรง (Strategic/Significant (Significant)/Critical Tier 1 Supplier) และผู้ค้าสำคัญทางอ้อม (Critical Non-Tier Supplier) ซึ่งจากผลการประเมินดังกล่าวจะมีการแบ่งระดับความเสี่ยงผู้ค้าเป็น 4 ประเภท ได้แก่ (1) Strategic (Significant)/Critical Suppliers (2) Key Suppliers (3) Managed Suppliers และ (4) Routine Suppliers โดยมีแนวทางการจัดการกลุ่มผู้ค้าแต่ละกลุ่มดังนี้
ระดับการบริหารกลุ่มงานผู้ค้า | ความหมาย | กลยุทธ์ในการบริหารจัดการ | เครื่องมือในการบริหารจัดการ |
1. Strategic (Significant/Critical) Supplier | กลุ่มผู้ค้า/ผู้รับเหมาที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงด้าน ESG สูง ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบในระดับรุนแรงต่อผู้ค้าเองและ OR และขยายผลกระทบไปสู่ชุมชนโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อ OR ทั้งทางด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กร | พัฒนาความสัมพันธ์และการดำเนินการทางธุรกิจในระยะยาว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกันและสร้างมูลค่าเพิ่ม |
|
2. Key Suppliers | กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงด้าน ESG ปานกลาง ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ OR ทั้งในด้านธุรกิจและภาพลักษณ์องค์กร | พัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยง รวมถึงรักษาระดับการแข่งขัน |
|
3. Managed Suppliers, | กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงด้าน ESG ต่ำ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อ OR และส่งผลกระทบออกไปข้างนอกองค์กรได้ปานกลาง | รักษาความสัมพันธ์ตามผลการดำเนินงาน และมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงตามความต้องการของผู้ค้า และติดตามผลการดำเนินงาน | แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (OR Supplier Sustainable Code of Conduct: SSCoC)
|
4. Routine Suppliers | กลุ่มผู้ค้าที่มีกิจกรรมการดำเนินงานที่มีความเสี่ยงด้าน ESG ต่ำ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อ OR และส่งผลกระทบออกไปข้างนอกองค์กรได้เล็กน้อย | รักษาความสัมพันธ์ตามผลการดำเนินงาน และมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงตามความต้องการของผู้ค้า | แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของผู้ค้า (OR Supplier Sustainable Code of Conduct: SSCoC)
|
OR ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้าน ESG และจัดระดับความสำคัญของผู้ค้า พบว่ามีผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant/Critical Supplier) 11 ราย ซึ่งมีส่วนแบ่งการจัดซื้อทั้งหมดที่ใช้ไปกับผู้ค้าโดยตรงรายสำคัญ(Significant Tier-1 Suppliers) คิดเป็นร้อยละ 0.87 ของงบจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด ในส่วนของผู้ค้าสำคัญทางอ้อม (Significant Non Tier-1 Suppliers) มีทั้งหมด 1 ราย (นับเฉพาะที่อยู่ใน PTT Group) เมื่อนำมารวมกับผู้ค้าสำคัญรายตรง 11 ราย เท่ากับมีผู้ค้าสำคัญ ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 12 ราย

3. การตรวจประเมินผลการดำเนินงานของผู้ค้า (Performance Assessment and Audit)
OR กำหนดให้ผู้ค้าที่ดำเนินการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในสัญญาหลักของ OR ทุกราย จะต้องผ่านการประเมินศักยภาพการบริหารงานการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกปี และผู้ค้าทุกรายที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant/Critical Supplier) จะได้รับการประเมินศักยภาพการดำเนินงานของผู้ค้าด้านความยั่งยืนทุก ๆ 3 ปี เพื่อตรวจสอบการดำเนินการที่สอดคล้องกับ SSCoC โดยการตรวจประเมินจะดำเนินตาม “OR Supplier ESG Assessment Protocol” ซึ่งอ้างอิงมาตรฐาน ESG ระดับสากล ได้แก่ SMETA ISO9001 ISO14001 ISO45001 และ SA8000 โดยครอบคลุมการดำเนินงานของผู้ค้าด้าน ESG ต่าง ๆ เช่น ระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ระบบบริหารจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เป็นต้น โดยการตรวจประเมินผลการดำเนินงานของผู้ค้าประกอบด้วยการประเมิน 5 แบบ ดังนี้
- Self Assessment : การประเมินผู้ค้าโดยให้ผู้ค้ามีการทำแบบประเมินตนเอง โดยจะมีการให้แนบหลักฐานต่าง ๆ ที่สำคัญมาด้วย โดยจะใช้สำหรับผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant) ทุกราย
- Desk Assessment: การประเมินข้อมูลจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ และการประเมินเอกสารต่าง ๆ ของผู้ค้า ใช้สำหรับผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant) ทุกราย
- Online Assessment (2nd Party) : การตรวจประเมินผ่านการสัมภาษณ์ออนไลน์ โดยที่ปรึกษา หน่วยงานตรวจประเมินภายนอก หรือโดยหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างของ OR ใช้สำหรับผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant) ทุกราย
- Onsite Assessment (2nd Party): การตรวจประเมินในพื้นที่ดำเนินการโดยที่ปรึกษา หน่วยงานตรวจประเมินภายนอก หรือโดยหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างของ OR ใช้สำหรับผู้ค้าสำคัญ (Strategic/Significant) ทุกราย โดยเฉพาะผู้ค้าที่มีความเสี่ยง ESG สูง
- Onsite Assessment (3rd Party): การตรวจประเมินโดยพิจารณาจากเอกสาร หรือ หลักฐานการได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลจากหน่วยงานให้การรับรองผู้ค้าสำคัญ ตัวอย่างปรากฏดังต่อไปนี้
ตัวอย่างใบรับรองจากหน่วยงานที่สาม
การประเมิน ESG ของผู้ค้า OR มีการกำหนดเกณฑ์แบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้:
- ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Business Governance): มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 34 ประกอบด้วย การจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ การบริหารห่วงโซ่อุปทาน มาตรฐานด้านคุณภาพ การปฏิบัติตามกฎหมาย จรรยาบรรณธุรกิจ การต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชัน และการจัดการความเสี่ยง
- ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment): มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 31 ประกอบด้วย การจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพเชิงนิเวศ (Eco-efficiency)
- ด้านสังคม (Social): มีสัดส่วนเป็นร้อยละ 35 ประกอบด้วย ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) สุขภาพและความปลอดภัย การป้องกันและรับมือต่อภาวะฉุกเฉิน การจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์ และการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน
หากพบข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินผู้ค้า หน่วยงานผู้จัดซื้อจัดจ้างจะแจ้งผลไปยังผู้ค้าให้กำหนดแผนแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการทำงาน (corrective action/improvement plan) โดยให้ผู้ค้าระบุมาตรการในการแก้ไข และป้องกัน ข้อบกพร่องที่พบ รวมถึงกำหนดกรอบระยะเวลาที่ดำเนินการให้แล้วเสร็จ
ในปี 2566 มีผู้ค้ารายสำคัญ (Strategic/Significant/Critical Supplier) ทั้งหมด 11 ราย และได้เข้าร่วมการตรวจประเมินทั้งหมด 9 ราย โดยอีก 2 รายที่เหลือ ได้รับการตรวจประเมินแล้วในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีผลการตรวจประเมินอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้ผู้ค้าทั้ง 2 ราย ไม่ต้องเข้ารับการตรวจประเมินทุกปีตามหลักเกณฑ์การบริหารจัดการผู้ค้าของ OR ดังนั้น ผู้ค้าสำคัญทั้งหมด 11 ราย ได้ผ่านการประเมินด้านความยั่งยืน คิดเป็นร้อยละ 100% ของผู้ค้ารายสำคัญทั้งหมด ตรงตามเป้าหมาย
ดัชนีชี้วัด (KPI) | เป้าหมาย 2566 | ผลการดำเนินงาน 2566 |
| ร้อยละของผู้ค้าสำคัญที่ได้รับการตรวจประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG Supplier Audit) ในรอบปีที่ผ่านมา โดยรวมทั้งการประเมินแบบการทวนสอบเอกสาร การสัมภาษณ์ออนไลน์ การลงพื้นที่ตรวจสอบ (Onsite) โดยหน่วยงานภายใน (2nd party) พร้อมทั้งพิจารณาหลักฐานการได้รับการับรองมาตรฐานระดับสากลจากหน่วยงานให้การรับรองที่เป็นอิสระ (3rd party) | 100% | 100% |
| ร้อยละของผู้ค้าที่ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล (ESG Risk Assessment) ในรอบสามปีที่ผ่านมา | 100% | 100% |
ทั้งนี้ การประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของผู้ค้าในปี 2566 ในรูปแบบการตรวจประเมินทั้งแบบ Online และ On-site จากการประเมินพบว่ามีผู้ค้าจำนวน 1 ราย ที่มีความเสี่ยงหรือผลกระทบด้าน ESG ที่สำคัญ โดยมีประเด็นหลักที่พบมีดังนี้
ประเด็นข้อบกพร่องหลักที่พบ | ข้อเสนอแนะ |
| สิทธิมนุษยชน (Human Rights) | • ควรมีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน การสื่อสารนโยบาย และกำหนดมาตรการจัดการ |
| การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Management) | • ควรดำเนินงานบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้รับการรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล ISO 14001 หรือการรับรองอื่น ๆ ที่เทียบเท่า • ควรมีการกำหนดดัชนีวัดผลนำ (Leading Indicator) และดัชนีวัดผลตาม (Lagging Indicator) ด้านสิ่งแวดล้อม และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง |
ทั้งนี้ OR มีการประสานภายในอย่างเป็นระบบเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ค้ารับทราบผลการตรวจประเมิน และได้รับคำแนะนำแนวทางแก้ไขข้อบกพร่อง รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ดยมีการเปรียบเทียบกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันในเรื่องของ ESG ซึ่งรวมถึงการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่พบจากการศึกษามาเป็นส่วนหนึ่งของการให้คำปรึกษาและมีการสื่อสารให้ผู้ค้ารับทราบด้วยเช่นกัน
ในปี 2566 OR ได้สื่อสารแจ้งข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และสนับสนุนผู้ค้า 1 ราย ในการดำเนินการตามแผนแก้ไขข้อบกพร่อง คิดเป็นร้อยละ 100 ของผู้ค้าที่พบความเสี่ยงหรือผลกระทบด้าน ESG ได้มีการจัดทำแผนแก้ไข
ผลจากการตรวจประเมินผู้ค้าด้าน ESG มีรายละเอียด ดังนี้
ผู้ค้า | ผลลัพธ์ |
| Strategic (Significant)/ Critical Supplier | • การสื่อสารผลการตรวจประเมินกับให้กับผู้ค้าครบถ้วน 100% • ประเด็นปัญหาด้าน ESG ที่ถูกตรวจพบ มีการหารือร่วมกันและได้รับการปรับปรุงแก้ไขครบถ้วน 100% • ไม่พบผู้ค้าที่ถูกยกเลิกสัญญาจากผลการตรวจประเมินด้าน ESG |
นอกจากการติดตามผลการดำเนินงานด้าน ESG ของผู้ค้ารายสำคัญ (Strategic/Significant/Critical Supplier) แล้ว OR มีการกำหนดการตรวจประเมินการบริหารงานของผู้ขนส่งทางรถบรรทุกและทางเรือเป็นประจำทุกปี
โดยการตรวจประเมินทางรถบรรทุกใช้หลักเกณฑ์ PTT Group Road Safety Management Guideline สำหรับการตรวจทางเรือใช้หลักเกณฑ์ Tanker Management and Self Assessment (TMSA) ซึ่งในหัวข้อตรวจประเมินจะประกอบด้วยการบริหารงานด้าน QSHE ด้วย โดยในการตรวจประเมินจะมีการสรุปผลสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไขและข้อเสนอแนะให้กับผู้ขนส่งที่ได้รับการตรวจประเมินทราบเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพตามแนวทางที่กำหนด
4. การสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาผู้ค้า (Supplier Retention and Development)
OR สนับสนุนผู้ค้าในการพัฒนาการดำเนินการด้านความยั่งยืน และมุ่งรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ค้า สำหรับผู้ค้าที่พบว่ามีข้อบกพร่องจากการตรวจประเมิน จะได้รับการสื่อสารให้ผู้ค้าวางแผนการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการทำงาน โดย OR ให้การสนับสนุนแก่ผู้ค้าในการดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ได้มีการสื่อสาร จัดกิจกรรม และริเริ่มโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ค้าทุกรายสามารถเข้าถึงโอกาสในการยกระดับการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์และพัฒนาผู้ค้าหลากหลายโครงการ อาทิ การจัดสัมมนาผู้ค้าประจำปี การอบรมให้ความรู้แก่ผู้ค้า โครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ค้าในแต่ละธุรกิจ เป็นต้น
การจัดสัมมนาผู้ค้าประจำปี
OR จัดสัมมนาผู้ค้าประจำปีเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ สื่อสาร กลยุทธ์และนโยบายของ OR ให้แก่ผู้ค้า โดยเฉพาะด้านกลยุทธ์การจัดซื้อจัดจ้างที่ยั่งยืนของบริษัท แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสถานการณ์การตลาดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อความ ข่าวสาร และนโยบายภาครัฐต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของทั้ง OR และผู้ค้า นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารของ OR รับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้ค้าโดยตรง เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานของ OR ให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ค้าในแต่ละธุรกิจ OR ได้ริเริ่มโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ค้า โดยเป็นโครงการที่ถูกพัฒนาให้เหมาะสมแก่ความต้องการของผู้ค้า เช่น
- กลุ่มผู้ค้าขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม OR มุ่งเน้นเสริมสร้างศักยภาพด้านความปลอดภัยตลอดกระบวนการขนส่ง ผ่านการอบรมผู้ค้าด้านการจัดส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอย่างปลอดภัย ตามมาตรฐานและกฎหมาย และการสนับสนุนให้ผู้ค้าขนส่งทุกรายติดตั้งและใช้เทคโนโลยีระบบตรวจติดตามพฤติกรรมผู้ขับรถขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (In-Vehicle Monitoring System: IVMS) เทคโนโลยี IVMS จะบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถขนส่ง และใช้ในการควบคุม กำกับ ดูแลการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพื่อให้ OR มั่นใจว่าผู้ค้าทุกรายปฏิบัติการขนส่งโดยสอดคล้องกับความคาดหวังด้านมาตรฐานและความปลอดภัยในการขนส่ง (อ่านเพิ่มเติมบท : อาชีวอนามัยและความปลอดภัย)
- กลุ่มผู้ค้าเกษตรกรปลูกกาแฟ OR ได้ตั้งเป้าในการยกระดับมาตรฐานในการทำงานและมาตรฐานในการผลิดกาแฟของเกษตรกรให้เป็นไปตามข้อกำหนด Café Amazon Standard โดย OR ได้พัฒนาโครงการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ณ ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จากความตั้งใจและมีเป้าหมายสำคัญเพื่อขยายผลองค์ความรู้ การทำงานพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟร่วมกับภาคีเครือข่ายในหลายพื้นที่ สู่พื้นที่ที่เกษตรกรยังขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยให้ได้ผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพตามมาตรฐานควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และยังเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายเมล็ดกาแฟด้วยระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอนสอดคล้องกับค่าครองชีพ (living wage) และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีการวางแผนที่จะขยายโครงการนำร่องนี้สู่พื้นที่อื่น ๆ อย่างเป็นระบบ
ผลการดำเนินงาน (Performance)
การส่งเสริมศักยภาพด้านความปลอดภัยของผู้ค้าขนผลิตภัณฑ์ส่งปิโตรเลียม
ในปี 2566 คณะทำงานพัฒนาความปลอดภัยด้านการจัดส่งและขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้สุ่มตรวจการดำเนินงานของผู้ขนส่ง เช่น การสุ่มตรวจสอบการทำงานศูนย์ควบคุม IVMS ของผู้ขนส่ง, สุ่มตรวจสอบการทำงานของผู้ประสานงาน, สุ่มสัมภาษณ์พนักงานขับรถ รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง OR และ ผู้ขนส่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า การดำเนินงานของผู้ขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายด้านความปลอดภัยของ OR
นอกจากนี้ OR ได้มีการจัดการอบรมหลักสูตรการใช้งานระบบ IVMS และการจัดส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอย่างปลอดภัยสำหรับผู้ขนส่งและพนักงาน OR ในวันที่ 25 เมษายน และ 19 พฤษภาคม 2566 ผ่านทาง OR Academy ซึ่งมีผู้ขนส่งเข้าร่วมทั้งหมด 121 ท่าน เพื่อให้ผู้ขนส่งสามารถนำข้อมูลจากระบบ IVMS ไปใช้ในการควบคุม กำกับ ดูแลการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
งานสัมมนาผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ประจำปี 2566
OR ได้มีการจัดสัมมนาผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพื่อสื่อความนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงานขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางรถบรรทุกและทางเรือ ให้กับผู้ขนส่งฯ อีกทั้งคณะผู้บริหารและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของ OR ร่วมกับวิทยากรจาก ปตท. ร่วมสื่อความ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมถึงรณรงค์เรื่องการปฏิบัติงานขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทางรถบรรทุกและทางเรืออย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ในงานสัมมนาได้มีการให้ผู้ขนส่งร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับ OR ในโครงการ “OR อาสา ยืดได้ หดได้” ซึ่งเป็นโครงการร้อยยางยืดออกกำลังกาย ร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และมูลนิธิผู้พิการไทย เพื่อร่วมส่งต่อสุขภาพที่ดี และเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้สูงอายุ และผู้พิการ ต่อไป
OR ได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. มอบรางวัลให้กับบริษัทผู้รับจ้างขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและพนักงานขับรถขนส่ง ที่มีผลการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยในการขนส่งดีเยี่ยม เพื่อเป็นการส่งเสริม สร้างแรงผลักดันและกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นด้านความปลอดภัยในการขนส่งผลิตภัณฑ์ อันเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีในต่อสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาคัดเลือกจากผู้รับจ้างขนส่งและพนักงานขับรถที่ขนส่ง โดยไม่เกิดอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง และไม่มีข้อร้องเรียนหรือการปฏิบัติผิดกฎหมาย/สัญญา รวมทั้งพิจารณาสถิติการขนส่งและพฤติกรรมการขับขี่จากระบบ IVMS โดยในปี 2566 มีผู้รับจ้างขนส่งจำนวน 2 ราย และพนักงานขับรถจำนวน 18 ราย ที่ได้รับรางวัล
สัมมนาผู้ค้าและคู่ค้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ประจำปี 2566
OR ได้จัดงานสัมมนาผู้ค้าและคู่ค้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ประจำปี 2566 ขึ้นในวันที่ 4-5 ตุลาคม 2566 ณ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีตัวแทนจากผู้ค้าและคู่ค้าจำนวน 9 บริษัทในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ที่ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซ LPG และยางมะตอย รวมทั้งสิ้น 80 คน
ซึ่งสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านพลังงาน ภาพรวมของอุปสงค์ – อุปทานของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสถานการณ์ตลาดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อความข่าวสารและนโยบายภาครัฐต่าง ๆ ที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของทั้ง OR ผู้ค้า และคู่ค้าฯ นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารของ OR ได้รับทราบข้อมูล ประเด็นต่าง ๆ และข้อเสนอแนะจากผู้ค้าและคู่ค้าฯ โดยตรง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาการดำเนินงานของ OR ให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งจะเป็นการสร้างโอกาสในการทำธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันในอนาคต ทั้งนี้ยังมีการจัดกิจกรรม CSR ทำลูกประคบให้แก่ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถือเป็นการสร้างความตระหนักและส่งเสริมการทำประโยชน์เพื่อสังคมร่วมกับผู้ค้าและคู่ค้าอีกด้วย
โครงการส่งเสริมกาแฟยั่งยืน
OR ได้ดำเนินการอบรมมาตรฐานด้านความยั่งยืนให้แก่เกษตรกร 330 ราย ผู้ค้าเมล็ดกาแฟดิบ 17 ราย และมีแผนการขยายพื้นที่ปลูกกาแฟที่สอดคล้องกับมาตรฐาน Café Amazon Standard ทั้งหมด 100 ไร่ ณ อ.แม่แจ่ม ดอยอินทนนท์ โดยคณะผู้บริหารและ CEO ของ OR ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมกลุ่มเกษตรกรปลูกกาแฟในช่วงวันที่ 16 กันยายน 2566 เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร รวมถึงเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้แสดงศักยภาพและยกระดับการทำงานที่ยั่งยืน
ในวันที่ 13 กันยายน 2566 OR ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการปลูกกาแฟ ภายใต้นโยบายตลาดนำการผลิต เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการส่งเสริมและสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกกาแฟ โดยปรับเปลี่ยนเป็นการเกษตรแบบผสมผสานร่วมกับกาแฟ เพื่อให้เกษตรกรมีผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน อีกทั้งช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ Café Amazon จะสนับสนุนการรับซื้อผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพมาตรฐานจากเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนการปลูกกาแฟ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของ OR ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสและสร้างคุณค่าแก่ผู้คนตลอดห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจ โดยสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG
การเสริมสร้างศักยภาพด้านการจัดซื้อจัดจ้างที่ยั่งยืนในองค์กร
สำหรับการอบรมพนักงานด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนครั้งแรกของ OR ได้จัดขึ้นในวันที่ 13 กันยายน 2566 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดหาเข้าร่วมทั้งหมด 48 ท่าน การอบรมดำเนินการโดย ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน โดยเนื้อหาหลักสูตรประกอบด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน รวมถึงขั้นตอนและวิธีการในการบริหารจัดการฯ ตามหลักการ UN Global Compact (UNGC) นอกจากนี้ยังมีการจัด Workshop เพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงของผู้ค้า (Supplier Risk) เพื่อจัดกลุ่มสินค้าและบริการที่สำคัญ โดยใช้ทฤษฎี Porter’s Five Forces Model
5. ติดตามผลการแก้ไข (Corrective Action Monitoring)
OR ติดตามผลการแก้ไขของผู้ค้า โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบจะกำหนดและติดตามให้ผู้ค้าแจ้งความก้าวหน้าของการแก้ไขและปรับปรุงประเด็นที่พบจากการตรวจประเมินทุก 3 เดือน และรายงานผลการแก้ไขในที่ประชุมทบทวนการจัดการของหน่วยงาน และมีการรายงานต่อผู้บริหารและคณะกรรมการในระดับต่าง ๆ ต่อไป
โดยประเด็นที่พบจากการตรวจประเมินด้าน ESG ที่ได้มีการแจ้ง และหารือประเด็นดังกล่าว ร่วมกับผู้ค้าเพื่อให้ผู้ค้าจัดทำแนวทางในการป้องกันแก้ไข ดังนี้
เกณฑ์ | ประเด็นที่ควรปรับปรุงแก้ไข | ตัวอย่างแนวทางการปรับปรุงก้ไข |
|---|---|---|
ด้านธุรกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี | ระบบการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management systems : BCM)
• ยังไม่พบการนำระบบการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCM) และแนวปฏิบัติในการวางแผนและป้องกันการหยุดชะงักทางธุรกิจมาประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีผู้ขายรายใดประสบปัญหาการหยุดชะงักทางธุรกิจ | • จัดทำแผนและแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการหยุดชะงักทางธุรกิจ
• วางแผนในการประยุกต์ใช้ระบบการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจและขอรับการรับรองในอนาคต |
ด้านสิ่งแวดล้อม | • ยังไม่พบการกำหนดเป้าหมายหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดของเสียที่เกิดจากการดำเนินงาน รวมถึงการติดตามผลการดำเนินงาน | • กำหนดเป้าหมายโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้พลังงาน และกำหนดการติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ |
ด้านสังคม | สิทธิมนุษยชน
• ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) • ไม่มีมาตรการในการแก้ไข ลดความเสี่ยง หรือบรรเทาผลกระทบ/ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน | • ศึกษาและประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการประเมินความเสี่ยงสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
• กำหนดมาตรการแก้ไขเพื่อลดความเสี่ยงหรือบรรเทาผลกระทบ/ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน |
ทั้งนี้ ในปี 2566 ผู้ค้ารายสำคัญทุกรายได้ดำเนินการตามแผนการแก้ไขแล้วเสร็จ และไม่พบผู้ค้าที่ต้องยกเลิกสัญญาอันเนื่องมาจากความเสี่ยงหรือผลกระทบด้าน ESG
6. การรายงานผลการดำเนินงาน (Performance Reporting)
การดำเนินการตามกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานกำหนดให้มีการรายงานผลการดำเนินการและการทบทวนกลยุทธ์ เป็นประจำทุกปีต่อผู้บริหารและคณะกรรมการ (Board of Director) สำหรับในระดับผู้บริหาร มีการรายงานต่อ CEO ผ่านคณะกรรมการบริหารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมของบริษัทในกลุ่ม OR (OR Group Quality, Safety, Health and Environment Management Committee: OR QSHE GMC) และ คณะกรรมการบริหารของ OR (OR Management Committee: ORMC) ตามลำดับ สำหรับในระดับคณะกรรมการ มีการรายงานต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ OR (OR Corporate Governance and Sustainability Committee: ORCGS) และคณะกรรมการบริหารความร่วมมือการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Committee : SD Committee) นอกจากนี้ อาจมีการนำเสนอไว้ในรายงาน ความยั่งยืนประจำปี หรือ Website ของบริษัท
การตรวจสอบข้อมูลโดยหน่วยงานภายนอก (Third Party Verification) – ในปี 2566 OR ได้รับการทวนสอบข้อมูลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในเรื่องจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยผู้ตรวจสอบภายนอก
กระบวนการบริหารจัดการผู้ค้าด้าน ESG ดังกล่าว ได้รับการทบทวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจขององค์กร และการดำเนินการงานผู้ค้าสอดคล้องกับแนวปฏิบัติภายใต้แนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืน ของผู้ค้า (OR SSCoC) และข้อปฏิบัติด้าน ESG ที่ OR กำหนดไว้


