- หน้าหลัก
- >
- ความยั่งยืน
- >
- การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความสำคัญ
จากรายงานการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปี 2566 โดย Intergovernmental Panel on Climate Change (IPCC) ระบุว่าอุณหภูมิพื้นผิวโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี รวมถึงองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติหรือ World Meteorological Organization: WMO รายงานว่าในช่วงปีระหว่างปี 2558-2565 เป็นช่วงปีที่มีอากาศร้อนที่สุดซึ่งเกิดจากระดับก๊าซเรือนกระจกที่กักความร้อนไว้สูงเป็นประวัติการณ์ การละลายของธารน้ำแข็งและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มสูงขึ้นและสภาพอากาศที่แปรปรวนนั้นส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งดำเนินมาตรการที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามวัตถุประสงค์ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 28) และสอดคล้องกับข้อตกลง Paris Agreement โดยประเทศไทยนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกภาคีให้ข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับประชาคมโลก (National Determined Contribution – NDC)
OR ตระหนักถึงผลกระทบและความรุนแรงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งของพลเมืองโลกจึงประกาศเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและมุ่งมั่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านแนวคิด OR SDG ในด้าน ‘G-GREEN ’ส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทให้เป็นธุรกิจสีเขียว สนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 ตลอดจนมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593
เป้าหมายปี 2566
แนวทางการดำเนินงาน
OR ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้น OR จึงจัดให้ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายระยะยาวขององค์กร OR 2030 Goals มิติ Healthy Environment โดยมีเป้าหมายในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์ เพื่อมุ่งมั่นในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก Scope 1 และ 2 ให้ได้ 1 ใน 3 จากการดำเนินธุรกิจเมื่อเทียบกับปี 2565 อีกทั้งมีการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครอบคลุมกระบวนการวิเคราะห์ Climate Scenario Analysis ตามแนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosure (TCFD) และเพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งทางกายภาพ (Physical Risk) ความเสี่ยงระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Transition Risk) และโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ (Opportunity) รวมถึงการศึกษาและพัฒนา Climate Tool เพื่อนำการกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กรหรือ Internal Carbon Pricing (ICP) เป็นแนวทางในการพิจารณาการลงทุนเพื่อมุ่งสู่การลงทุนธุรกิจคาร์บอนต่ำ
กลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจของ OR ตามเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และ การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 OR ได้พิจารณาตั้งเป้าหมายโดยอ้างอิงแนวทางตามหลักการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์หรือ SBTi (Science Based Target initiative: SBTi) และกำหนดกลยุทธ์ตามหลัก 3R ในการดำเนินงาน ได้แก่
- Reduce (Own Greenhouse Gas Emissions): ขยับสู่เป้าหมาย OR Net Zero จากการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยตนเอง
- Remove (Residual Greenhouse Gas Emissions): ขจัดก๊าซเรือนกระจกโดยสนับสนุนกิจกรรมการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก
- Reinforce (GREEN Portfolio of business and Investment): ขยายสัดส่วนธุรกิจและการลงทุนสีเขียว
ทั้งนี้ OR มีการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน (KPI) ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผนวกเข้ากับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานขององค์กร (Corporate KPI) และมีการติดตาม วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและรายงานผลต่อกลุ่ม ปตท. อย่างต่อเนื่อง
การกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ OR ยังมีการกำหนดบทบาทหน้าที่และโครงสร้างการกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้เกิดการผลักดันและกำกับดูแลการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรมโดยบทบาทหน้าที่และโครงสร้างการกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ OR มีรายละเอียดดังนี้
|
โครงสร้าง การกำกับดูแลฯ |
บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ |
ความถี่ ในการประชุม |
|
| คณะกรรมการ (OR Board of Directors) | • กำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงาน และอนุมัติการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานร่วมกันภายในองค์กร (Corporate KPIs) ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ • ติดตามตรวจสอบความก้าวหน้าในการดำเนินกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแผนงานที่สำคัญ (Key Action Plans) เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัท |
รายไตรมาส |
|
| คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาที่ยั่งยืน (OR CGS) | • กำหนดและทบทวนนโยบายและแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมติดตามผลลัพธ์ รวมถึงบูรณาการการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีความสอดคล้องกับนโยบายที่สำคัญของบริษัท • กำหนดและกำกับดูแลกลยุทธ์ความเสี่ยงและโอกาสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับปฏิบัติการ |
รายไตรมาส |
|
| คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร (OR ERMC) | • กำหนดและทบทวนนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง กำกับดูแลการดำเนินการบริหารจัดการความเสี่ยงองค์กร ซึ่งรวมไปถึงความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเมินและทบทวนปัจจัยความเสี่ยงทั้งภายในและนอกองค์กรที่มีผลกระทบต่อเป้าหมายขององค์กร ทั้งนี้ เพื่อกำหนดมาตรการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความเหมาะสมกับบริบทขององค์กร |
รายไตรมาส |
|
| คณะกรรมการจัดการ (ORMC) | • บริหารจัดการการดำเนินการให้เป็นไปตามทิศทางด้านความยั่งยืน • เป็นผู้นำสูงสุดในการสนับสนุนการดำเนินการที่จำเป็น เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี |
ตามความเหมาะสม |
|
| คณะกรรมการบริหารความร่วมมือสู่การดำเนินธุรกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน (OR SD Committee) | • ขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินการในระดับปฏิบัติการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธด้านความยั่งยืน และพิจารณาอนุมัติรายงานความยั่งยืนประจำปีของ OR • อนุมัติแผนกลยุทธ์ แผนธุรกิจ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนให้สอดคล้องกับนโยบายของ PTT Group ตามมาตรฐานความยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ |
รายไตรมาส |
|
| คณะทำงาน (คณะทำงานจัดการพลังงาน, คณะทำงานการลดการปล่อยคาร์บอน, คณะทำงานการดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน) | • ส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินการให้สอดรับตั้งแต่ระดับนโยบายไปจนถึงคณะทำงานหรือระดับปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย OR’s 2030 Goal ด้านสิ่งแวดล้อม (Healthy Environment) และเป็นไปตามกรอบการดำเนินงาน TCFD |
รายไตรมาส หรือ ตามความเหมาะสม |
การระบุและประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Identifying Climate-related Risks and Opportunity) และการบริหารจัดการความเสี่ยง (Climate-related Risk Management)
OR ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภครวมทั้งการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ ภาษีคาร์บอน ด้วยเหตุดังกล่าว OR จึงบูรณาการความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ากับการบริหารจัดการความเสี่ยงระดับองค์กรเพื่อประเมินระดับผลกระทบและจัดหาแนวทางป้องกันหรือบรรเทาความเสี่ยงและการแสวงหาโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมหรือกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ OR จึงกำหนดแนวทางเพื่อรองรับความเสี่ยงหรือโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยการศึกษาข้อกำหนด กฎหมายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในประเทศไทยและต่างประเทศ การกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร และนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นต้น
กำหนดกลยุทธ์แนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อปรับตัวสำหรับความเสี่ยงและโอกาสที่เป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (The Action to Increase the Resilience of OR’s Businesses Strategy)
Mobility Business
ธุรกิจน้ำมัน เป็นธุรกิจหลักของบริษัทซึ่งมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบด้านธุรกิจ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขายน้ำมันตลอดจนผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญโดยเปลี่ยนแนวการดำเนินชีวิตจากการใช้พลังงานงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ทำให้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคและเข้ามาแทนการใช้น้ำมัน
จากแนวทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าดังกล่าว OR เล็งเห็นถึงโอกาส จึงได้ขยายความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจพลังงานสะอาด (Renewable Energy) และบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV Station PluZ ทั้งในและนอก PTT Station ครอบคลุมทั่วประเทศในทุกเส้นทางหลัก รวมถึงชุมชน แหล่งท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน เป็นต้น และปรับปรุงศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ให้ไปสู่ศูนย์บริการ Light Maintenance
Lifestyle Business
Café Amazon เป็นอีกหนึ่งธุรกิจของ OR ที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีการผนวกมาตรการบรรเทา (Mitigation) และการปรับตัว (Adaptation) เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น
กลยุทธ์ด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ Café Amazon คือการเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจให้มากขึ้น โดยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อรายการเครื่องดื่มและอาหารที่หลากหลาย นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงด้านการขาดแคลนวัตถุดิบเนื่องจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงมาตรการการปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Resilience) การจัดหาเมล็ดกาแฟแบบยั่งยืน (Sustainable Coffee Sourcing) ให้ความสำคัญกับสินค้าคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Products)
พร้อมกันนี้ OR ได้จัดทำแผนความต่อเนื่องของธุรกิจ (Business Contingency Plans: BCP) เพื่อป้องกันกรณีขาดแคลนการจัดหาวัตถุดิบ อันเนื่องมาจากภัยแล้ง รวมถึงทำงานใกล้ชิดกับผู้จัดหาเมล็ดกาแฟในการประยุกต์ใช้แนวทางปฏิบัติด้านการทำการเกษตร เพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate-resilient Farming Practices)
นอกจากนั้น OR มีแนวทางในการปรับตัวของธุรกิจ Mobility Business และ Lifestyle Business ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอื่น ๆ โดยสามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ได้ที่ OR Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) Report 2023
การตั้งเป้าหมายและตัวชี้วัด
OR มีแผนงานเพื่อดำเนินการให้บรรลุได้ตามเป้าหมาย ดังต่อไปนี้
1. การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change)
- การปลูกป่าจำนวน 10,000 ไร่ภายในปี 2573 ผ่านโครงการความร่วมมือกับ 2 องค์กร ได้แก่ กรมป่าไม้และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง โดยปัจจุบัน OR ดำเนินการปลูกป่าใหม่และปลูกเสริมป่าเก่าแล้วเสร็จจำนวน 1,500 ไร่ และสนับสนุนการบำรุงรักษาป่าชุมชนร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจำนวน 8,100 ไร่
- โครงการ T-VER Carbon Credit จากโครงการ Solar Rooftop และ โครงการ Green Travel with Biofuel
2. การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน Energy & Utilities Efficiency
- เนื่องจาก OR ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลัก ดังนั้น OR จึงมุ่งเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในสถานประกอบการของ OR โดยกำหนดให้ติดตั้ง Solar Rooftop ที่สถานประกอบการ เช่น คลังปิโตรเลียม กลุ่มโรงงานภายในศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ PTT Station ร้าน Café Amazon และโรงงานซ่อมบำรุงถังก๊าซหุงต้ม ให้ได้ 19.90 MWp ภายในปี 2573
- นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ตัวแทน PTT Station และร้าน Café Amazon ติดตั้ง Solar Panel เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟฟ้า
- จัดหาพลังงานหมุนเวียนจากภายนอก ในรูปแบบใบรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate, REC)
3. การลดปริมาณขยะและของเสียให้สอดคล้องตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
- การลดปริมาณขยะ ลดการใช้ทรัพยากรใหม่ (Virgin Material) นำขยะกลับมา Reuse และ Recycle จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในส่วนของการผลิตใหม่และการกำจัดหรือทำลาย
- เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน (Sustainable Packaging)
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมการจัดการประเด็นด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนของบริษัท คลิก
ผลการดำเนินงาน Highlight การดำเนินงานที่สำคัญ
การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
OR มีพันธกิจในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยในปี 2566 OR ได้รับการขึ้นทะเบียนโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ Thailand Voluntary Emission Reduction Program (T-VER) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน): Thailand Greenhouse Gas Management Organization (Public Organization) หรือ TGO ซึ่งเป็นผู้ให้การขึ้นทะเบียนและรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ OR สามารถลดหรือกักเก็บได้ โดยในปี 2566 OR ได้มีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ T-VER ดังนี้
- โครงการ Green Travel with Biofuel: เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนไปเมื่อปี 2565 โดยในปี 2566 นี้เป็นการรณรงค์และส่งเสริมให้ลูกค้าที่ใช้ Blue Card เข้าร่วมโครงการและเติมน้ำมัน E20 หรือ E85 เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย OR จะขอแลกแต้ม Blue Card กับ Carbon Credit ที่ได้จากการเติมน้ำมันของลูกค้า
- โครงการ Solar Rooftop Phase I และ II เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนแล้วเสร็จในปี 2565 โดย OR ได้มีการติดตามและเก็บข้อมูลปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโครงการดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการขอการรับรองเครดิตในอนาคตนอกจากนี้ OR ยังได้พลักดันให้สถานประกอบการของบริษัทและคู่ค้า ดำเนินการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเข้าร่วมโครงการ T-VER ต่อไป
- โครงการปลูกป่า เป็นโครงการที่ได้เริ่มดำเนินการในปี 2566 โดย OR มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก โดย OR ได้ผลักดันให้มีการดำเนินการขึ้นทะเบียนโครงการ และขอการรับรองเครดิตต่อไปในอนาคต
ดังนั้นในฐานะที่ OR เป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจพลังงานของประเทศไทย จึงได้ให้ความรับผิดชอบ และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กรและระดับประเทศ เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืน
การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญโดยเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตจากการใช้พลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดเพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ทำให้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคและเข้ามาแทนการใช้น้ำมัน
จากโอกาสของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า OR เล็งเห็นถึงโอกาสจึงได้ขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งใน PTT Station และ PTT LPG Auto Station ครอบคลุมทั่วประเทศในทุกเส้นทางหลัก ชุมชน แหล่งท่องเที่ยว หรือพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน โดย ในปี 2566 มีการติดตั้งและเปิดให้บริการสถานีชาร์จ EV Station PluZ แล้วติดตั้งสะสมรวมทั้งหมด 859 แห่ง หรือ 1,618 หัวชาร์จ (DC Fast Charge) ครอบคลุมทั่วประเทศ
หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ OR จึงได้ร่วมมือกับองค์กรที่หลากหลายเพื่อทำให้เกิดโครงการมากมาย ได้แก่ การเดินหน้าโครงการความร่วมมือ “Swap & Go – Universal Battery Swapping Network Expansion Empowered by OR” โดยการขยายเครือข่ายแพลตฟอร์มสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของสวอพ แอนด์ โก ภายใน PTT Station ตอบโจทย์การเดินทางที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) โดยตั้งเป้าขยายจุดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่ครอบคลุมกรุงเทพฯ ปริมณฑลกว่า 100 แห่งในปี 2567 และบริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station เพื่อเพิ่มสัดส่วนการนวัตกรรมพลังงานสะอาดและเป็นทางเลือกของผู้บริโภคในการประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงาน โดยสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทุกมิติ เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกัน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ปี 2566 OR ได้มีการติดตั้ง Solar Rooftop ในสถานประกอบการของ OR เป็นกำลังการผลิตติดตั้งสะสม 12.783 MWp ด้วยเงินลงทุนจำนวน 381 ล้านบาท ทำให้มีสัดส่วนการใช้พลังงานที่ลดลง 2.936 GJ ต่อ EBITDA 1 ล้านบาท โดยขอบเขตมูลค่าการลงทุนในระบบผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นยอดเฉพาะการลงทุนแบบ EPC
จากการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบัน OR มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จาก Solar Rooftop ในสถานประกอบการของ OR ดังนี้
นอกจากนี้ OR ยังสนับสนุนให้ทุกสถานประกอบการดำเนินกิจกรรมโดยใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยแต่ละหน่วยงานจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เก็บข้อมูลการใช้พลังงาน และผลการดำเนินงาน เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2566 ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) โดยได้ประเมินประสิทธิภาพการใช้พลังงานในกลุ่มพื้นที่สถานประกอบการเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มโรงงานภายในศูนย์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ (OASYS) และสำนักงานพระโขนง โดยมีการส่งเสริมผลักดัน ติดตามผลการดำเนิน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เช่นการติดตั้ง Solar Rooftop และ โครงการ Energy Efficiency ต่าง ๆ ผ่านคณะทำงาน Energy Task Force เพื่อให้บรรลุได้ตามเป้าหมายที่กำหนด
นอกจากนี้ OR มีการจัดอบรมให้พนักงานเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานให้มีความรู้และความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการพลังงานความรู้พื้นฐาน แนวทางการตรวจวัด การประเมินสมรรถนะด้านพลังงานและการประหยัดพลังงานในระบบอากาศอัดและระบบน้ำเย็นภายใต้การอบรมเรื่อง การจัดการพลังงาน และการประหยัดพลังงานในระบบอากาศอัดและระบบน้ำเย็น เพื่อให้พนักงานสามารถนำความรู้ที่ได้รับไป Operate และ พัฒนา Action Plan สำหรับการประหยัดพลังงานของระบบอากาศอัด และระบบน้ำเย็นภายในสถานประกอบการของตนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
