
ความสำคัญ
ปัจจุบันช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการรวมถึงการแข่งขันทางธุรกิจมีมากขึ้น ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย ภาพลักษณ์ขององค์กรที่ยั่งยืน (Sustainable Branding) จึงเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการของผู้บริโภค ทั้งนี้เป็นผลมาจากปัญหาสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ กระแสสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้บริโภคมีความตระหนักและมองหาคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่เลือกซื้อ ธุรกิจจึงต้องมีกลยุทธ์และการบริหารจัดการภาพลักษณ์องค์กรที่เป็นระบบ เพื่อแสดงจุดยืนของการดำเนินธุรกิจ พร้อมเข้าถึงและเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภค ตอบสนองต่อความคาดหวัง ทำให้เกิดการซื้อซ้ำและความผูกพันธ์ต่อผลิตภัณฑ์และบริการ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโต โดยภาพลักษณ์ขององค์กรนี้ จะถูกสื่อสารผ่านการทำการตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์
เป้าหมายการดำเนินงาน

กลยุทธ์ในการดำเนินการ (Business Strategies)
แนวคิด “ภาพลักษณ์ขององค์กรที่ยั่งยืน (Sustainable Branding)”
OR มีความมุ่งมั่นสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรที่ยั่งยืนเพื่อให้เกิดความรับรู้และบอกต่อคุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการของ OR โดยลูกค้าและผู้บริโภค ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับการทำการตลาด การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์อย่างมีจรรณยาบรรณ ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานและภาพลักษณ์ของธุรกิจที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ใส่ใจผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และสื่อสารเจตนารมย์ในการดำเนินธุรกิจของ OR ไปสู่สังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรอบกลยุทธ์ในการบริหารจัดการภาพลักษณ์ธุรกิจของ OR (OR’s Brand Strategic Framework)
OR ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “เติมเต็มทุกโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน” โดยตั้งเป้าหมายในปี 2573 (OR 2030 Goals) ใน 3 มิติ ได้แก่ เป้าหมายด้านการสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เป้าหมายด้านการสร้างชุมชนน่าอยู่ (Living Community) และ เป้าหมายด้านการเติบโตร่วมกัน (Economic Prosperity) พร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้คน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์
นอกจากนี้ OR ผนวกเรื่องคุณค่าตราสินค้าและภาพลักษณ์องค์กร ด้าน Net Promoter Score และ Brand Strengths ให้เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินการผลลัพธ์การดำเนินงานขององค์กร (Corporate KPI) เพื่อเน้นย้ำว่าประเด็นภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นประเด็นสำคัญ โดย Brand Strengths ต้องอยู่ที่ระดับ 77.7 คะแนน ในปี 2565 (เมื่อเทียบกับปี 2564) และ Net Promoter Score นั้นจะถูกผนวกอยู่ในเป้าหมายระยะยาวของบริษัท (OR 2030 Goals) และ ตัวชี้วัดหลักของ CEO (CEO KPI) หัวข้อ “Customer and Consumer Engagement” ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาเงินเดือนและโบนัสของผู้บริหาร (น้ำหนักของตัวชี้วัดข้อนี้อยู่ที่ 7% ของน้ำหนักโดยรวมทุกตัวชี้วัด)
การสื่อสารแบรนด์และภาพลักษณ์ธุรกิจ
นับจากที่ OR แยกธุรกิจออกจากกลุ่ม ปตท ในปี 2562 เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่เฉพาะสำหรับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกให้ชัดเจนมากขึ้น OR จึงมีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการสื่อสารแบรนด์และภาพลักษณ์ธุรกิจตั้งแต่ปี 2562 ไปจนถึงปี 2567 โดยนำหลักการเส้นทางของลูกค้า (Customer Journey) มาประกอบการพิจารณาวัตถุประสงค์ดังกล่าว ดังต่อไปนี้ :
- ปี 2562 – สร้างอัตลักษณ์และตัวตนของ OR ให้มีความชัดเจนและเป็นที่รู้จักและจดจำของผู้มีส่วนได้เสีย (Create a clear, distinct and memorable Brand Identity to all stakeholders)
- ปี 2563 – สร้างความพึงพอใจ น่าเชื่อถือ น่าไว้ใจ และภาพจำให้กับภาพลักษณ์ตัวตันของ OR ด้วยสิ่งที่ OR ได้ดำเนินการจริง (Create satisfaction and a credible and approachable Brand Image through OR’s running projects)
- ปี 2564 – ทำให้ OR ได้รับความเชื่อมั่น ว่าเป็นแบรนด์ไทยระดับสากล สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทย (Build up trust on the Brand, becoming a proud Thai corporate among the top international market)
- ปี 2565 – สร้างความผูกพันกับแบรนด์ OR ผ่านการดำเนินธุรกิจที่เน้น 3P และสร้างคุณค่าร่วมให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล (Sustain a relation between OR and its customers, partners, communities, investors, and employees through building up a well-balanced values for all stakeholders)
- ปี 2566 –สร้างความเชื่อมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ OR ผ่านรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ และ OR Innovation (Build up trust in OR’s continuous growth through new business plans and ‘New S-curve’)
โครงการหรือผลการดำเนินงานที่โดดเด่นประจำปี 2565
1. การสื่อสารแบรนด์และภาพลักษณ์ธุรกิจด้านความยั่งยืน (Sustainability Branding Communication)
การสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment)
จัดทำสื่อโฆษณา “เพราะทุกแก้วของคาเฟ่ อเมซอน คือ จุดเริ่มต้นสู่ความยั่งยืน” การจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ “เพราะทุกแก้วของคาเฟ่ อเมซอน คือ จุดเริ่มต้นสู่ความยั่งยืน” เป็นการสะท้อนหลักแนวคิดของการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของคาเฟ่อเมซอน โดยเกิดจากความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของการดำเนินธุรกิจ เริ่มต้นจากการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟโดยไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ตามหลักการการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายของเหลือทิ้งต้องหมุนเวียนกลับมาสร้างประโยชน์สูงสุด เพราะปลายทางของการดำเนินธุรกิจ ไม่ได้สิ้นสุดแค่กลุ่มคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่จะส่งต่อความยั่งยืนนี้ไปยังคนรุ่นต่อไปในอนาคต
การสร้างชุมชนน่าอยู่ (Living Community)
จัดทำสื่อโฆษณา “ไทยเด็ด” การจัดทำสื่อโฆษณา “ไทยเด็ด” เพื่อแสดงเป้าหมายที่ชัดเจนของ OR ในการเดินหน้าเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน เกษตรกร และคนในชุมชนโดยรอบให้ “เติบโตไปด้วยกัน” เพื่อช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐานและก้าวไกลสู่ระดับสากล สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเติมเต็มรอยยิ้มให้ชุมชน
“ไทยเด็ด” ช่วยเติมเต็มให้ชุมชนมีรอยยิ้ม – อีกหนึ่งโครงการจากแนวคิด “เติมเต็มทุกความสุข” ของสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ที่พัฒนาจากการได้อยู่เคียงข้างและได้ร่วมเติบโตกับคนไทย มาอย่างยาวนาน สู่ความเป็น “ศูนย์กลางของชุมชน” ที่พร้อมจะร่วมเติมเต็มรอยยิ้มให้กับสังคม ชุมชน และนักเดินทาง ร่วมสร้างคุณภาพชีวิตและ เศรษฐกิจที่ดีให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด Living Community
“ไทยเด็ด” เด็ดที่ความคิดคนไทยที่ช่วยเหลือกัน – คัดเลือกผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน นำมาช่วยพัฒนาและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น รวมถึงการมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอื่นๆ เช่น ร้านคาเฟ่ อเมซอน และช่องทางออนไลน์ เป็นการช่วย ส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนได้มีโอกาสต่อยอดองค์ความรู้พื้นบ้าน ยกระดับสินค้าเพื่อเข้าสู่ระบบการผลิตที่มีมาตรฐาน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และ เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น ช่วยธุรกิจฐานรากให้เติบโต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ขณะที่ผู้บริโภค ผู้ขับรถสัญจรไปมาก็ได้มีโอกาส ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโต และสามารถเข้าถึงของเด็ดประจำท้องถิ่นได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
การเติบโตร่วมกัน (Economic Prosperity)
จัดทำสื่อโฆษณา “โออาร์ = โอกาส” OR มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ในด้านการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจพร้อมพาทุกคนเติบโตไปด้วยกัน โดยประกาศการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และทิศทางการดำเนินธุรกิจ ด้วยโครงการ โออาร์ = โอกาส ที่พร้อมผลักดันให้เกิด Inclusive Growth Platform ที่จะนำไปสู่การเติบโตร่วมกันทั้งระบบนิเวศ ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า มุ่งเน้นการเติบโตรูปแบบใหม่ของ OR ที่เน้นการเข้าไปร่วมมือกับธุรกิจที่สร้างจากพันธมิตรภายนอก ผ่านการใช้ทรัพยากรทางกายภาพ (Physical) ทางดิจิทัล (Digital) ตลอดจนความสามารถในการขยายธุรกิจให้เติบโต (Scalability) ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลาง หรือธุรกิจที่ต้องการการสนับสนุน โดย OR ได้พัฒนาโมเดล “OR Inclusive Partnership” ซึ่งประกอบด้วยการนำความต้องการของลูกค้าของพันธมิตรเป็นที่ตั้ง แสวงหาสิ่งที่พันธมิตรต้องการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และการเข้าไปเติมเต็มได้ด้วยศักยภาพที่ OR มีอยู่ ตลอดจนพัฒนาระบบการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นให้สามารถรองรับการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับพันธกิจทั้ง 4 ด้าน คือ การสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสานเพื่อการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อ (Seamless Mobility) การสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตอย่างครบวงจรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ (All Lifestyles) การขยายฐานธุรกิจเพื่อสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก (Global Market) และการแก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับสู่นวัตกรรมในแบบฉบับของ OR (OR Innovation)
2. การวัดคุณค่าของแบรนด์ในกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Brand Management Metrics)
เพื่อวัดคุณค่าตราสินค้าและภาพลักษณ์องค์กร และสะท้อนความสำเร็จในการสื่อสารภาพลักษณ์ขององค์กรที่ยั่งยืน OR จึงจัดทำสำรวจการสร้างคุณค่าตราสินค้าและภาพลักษณ์องค์กร (Brand Health Check) โดยมีการสำรวจระดับคุณค่าของแบรนด์ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้าน Brand Strengths และการวัดผลแนวโน้มการแนะนำสินค้าและบริการของ OR ในด้าน Net Promoter Score ให้กับคนรู้จัก อีกทั้งได้นำผลจากการทำวิจัยมาวิเคราะห์ เพื่อปรับกลยุทธ์การสื่อสารและการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องต่อความต้องการของผู้บริโภคและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ในปี 2565 OR ดำเนินการสำรวจการสร้างคุณค่าตราสินค้าและภาพลักษณ์องค์กร (Brand Health Check) โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- การสำรวจระดับคุณค่าของภาพลักษณ์องค์กรในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Brand Strength) โดยสำรวจจาก 10 คุณสมบัติที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาภาพลักษณ์องค์กร
- การวัดผลแนวโน้มการแนะนำสินค้าและบริการของ OR ในกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย (Net Promoter Score “NPS”) โดยกระบวนการวัดผลนั้นจะถูกนำเสนออยู่ในรูปแบบคำถามในแบบสำรวจ และคำตอบจากผู้บริโภคจะถูกคำนวณเพื่อนำมาประมวลผลเป็นค่า NPS โดยค่า NPS สามารถชี้วัดข้อมูลเกี่ยวกับความภักดีของผู้บริโภคได้ (Customer Loyalty)
จากการสำรวจและวิจัย สรุปการวิเคราะห์ผลได้ดังต่อไปนี้
- จากการวัดระดับคุณค่าของภาพลักษณ์องค์กรในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในปี 2565 พบว่าคะแนน Brand Strengths คิดเป็น 77.6 คะแนน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดที่ 77.7 คะแนน
- ผลการสำรวจแนวโน้มการบอกต่อคิดเป็น 52 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับ Great ทั้งนี้ค่าเฉลี่ยระดับคะแนนของบริษัทชั้นนำในประเทศไทย คือ 50 คะแนน


