Highlight การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การขับเคลื่อนธุรกิจ

          ปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนและสิ่งมีชีวิต ทำให้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญต่อปัญหาดังกล่าว จึงเกิดการผลักดันทั้งรูปแบบการขอความร่วมมือและกำหนดกฎหมายที่เข้มข้นขึ้น OR ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน OR SDG (S – Small, D – Diversified, G – Green) หรือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนในแบบฉบับของ OR เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย OR 2030 Goals ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาด ส่งเสริมธุรกิจสีเขียว เพื่ออนาคตสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Green) โดยมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 ตลอดจนมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการดำเนินธุรกิจ

 

          นอกจากนี้ OR ได้มีการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานขององค์กร (Corporate KPI) ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผนวกอยู่ในตัวชี้วัดของผลการดำเนินงานผู้บริหาร (Executive KPI)  โดยมีรายละเอียดตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 

  • Carbon Neutral Pathway (ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินโครงการ)
  • Operational Eco-Efficiency (ความเข้มข้นของการใช้พลังงานสะอาด, การติดตั้ง Solar Rooftop, และจำนวนสถานีชาร์จ EV Station PluZ)
  • Waste Reduction (การลดปริมาณของเสียจากการดำเนินธุรกิจ)

โอกาสและความท้าทาย

          OR ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก เป็นบริษัท Flagship ของกลุ่ม ปตท. มุ่งแสวงหาโอกาสใหม่ในการดำเนินธุรกิจ คิดค้นและพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ ต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ สอดรับกับนโยบายของประเทศไทยและระดับสากล ในการร่วมกันลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนที่มากขึ้น การแสวงหาทางเลือกในการใช้เทคโนโลยีที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยลง อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อกาแฟที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่น้อยลง (Low Carbon Coffee)  ทั้งหมดนี้เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของ OR ในการขยายการเติบโตของธุรกิจ พร้อมกับการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ OR ให้เป็นที่ดึงดูดนักลงทุนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและต้องการที่จะสนับสนุนธุรกิจอย่างยั่งยืน

กลยุทธ์การดำเนินงาน

          OR จัดทำกลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Strategy) และกำหนดโครงสร้างการกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อให้เกิดการผลักดันและกำกับดูแลการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งครอบคลุมกระบวนการวิเคราะห์ภายใต้สมติฐานต่าง ๆ (Climate Scenario Analysis) ตามแนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosure (TCFD) และเพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งทางกายภาพ (Physical Risk) และความเสี่ยงระหว่างช่วงเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Transition Risk) เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) โดยอ้างอิงแนวทางตามหลักการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์หรือ SBTi (Science-Based Target Initiative)

เป้าหมายระยะยาว

โครงการและผลการดำเนินงานที่โดดเด่น

Solar Rooftop

          จากเป้าหมาย OR 2030 Goals ด้าน Healthy Environment  OR ได้ผลักดันการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ภายในสถานประกอบการของ OR เช่น การติดตั้ง Solar Rooftop พื้นที่ PTT Station กลุ่มโรงงานธุรกิจไลฟ์สไตล์ (OASYS) คลังปิโตรเลียม/น้ำมัน/ก๊าซ และร้าน Café Amazon เป็นต้น จำนวนสะสม 156 แห่ง และมีแผนที่จะขยายไปยังสาขาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ OR ยังส่งเสริมให้ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งเป็นหนึ่งในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของ OR ติดตั้ง Solar Rooftop ภายใน PTT Station โดย OR ได้ผนึกกำลังความร่วมมือกับสถาบันการเงิน เพื่อนำร่องโครงการสินเชื่อและ Service Provider ด้าน Solar Rooftop ให้แก่ผู้แทนจำหน่ายฯ เพื่อช่วยผลักดันให้สังคมไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน (Low Carbon Society) โดยในปี 2566 มีผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่ได้รับสินเชื่อเพื่อติดตั้ง Solar Rooftop จำนวนทั้งสิ้น 14 สาขา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจก Scope 3 ได้ จากนั้นในเชิงพาณิชย์ ยังมีการติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียนจำนวนทั้งสิ้น 25 สาขาซึ่งสนับสนุนภาพเอกชนอื่น ๆ ในการใช้พลังงานหมุนเวียน

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

PTT Green Station – PTT Station แฟลกชิป ถนนวิภาวดี 62

          OR เปิดตัว PTT Station แฟลกชิป ริมถนนวิภาวดี 62 ในเดือน พฤษภาคม 2566 ซึ่งใช้แนวคิด “Green” เพื่อให้เป็นสถานีต้นแบบในอนาคตของ Green Station ที่แสดงตัวตนผ่าน Ecosystem เครือข่ายธุรกิจของ OR  

          PTT Station แฟลกชิปแห่งนี้ มีจุดเด่นคือ มีพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ประมาณ 4,000 – 5,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วไป ที่มีพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีก ประมาณ 500 – 1,000 ตารางเมตร 

          โดยภายในประกอบด้วย ร้านค้าปลีกหลากหลายประเภทภายใต้แบรนด์ธุรกิจ Lifestyle ของ OR 

          อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญทางด้าน G-GREEN คือ การเป็นพื้นที่นำร่องในด้านการใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ภายในสถานีบริการ ผ่านการใช้พลังงานทางเลือกจากแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงถึง 578 กิโลวัตต์สูงสุด (kWp) พร้อมระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) ด้วยความจุ 160 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ที่มีระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ที่ทำให้ PTT Station สามารถใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเป็นความร่วมมือในการพัฒนาระหว่าง OR และ Nuovo Plus ประกอบกับการซื้อพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการใช้เอกสารสิทธิ์ เพื่อยืนยันการใช้พลังงานหมุนเวียนหรือ REC (Renewable Energy Certificate) ให้ครอบคลุมและมั่นใจว่าพลังงานที่ใช้ในสถานีบริการเป็นพลังงานหมุนเวียน 100%

          นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานอื่น ๆ ที่สำคัญร่วมด้วยเพื่อช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 3) ภายในพื้นที่ PTT Station แฟลกชิป ถนนวิภาวดี 62 ได้แก่ การใช้ผลิตภัณฑ์ Upcycling เช่น เก้าอี้ม้านั่งใน PTT Station ซึ่งผลิตมาจากส่วนผสมของกระป๋องน้ำมันหล่อลื่นใช้แล้วที่เก็บกลับจาก FIT Auto การจัดการของเสียอย่างครบวงจร เช่น  การรวบรวมน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากร้าน Texas Chicken ไปผ่านกระบวนการ Recycle เพื่อผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล (B100) การรวบรวมขยะเศษอาหารจากร้านค้าปลีกเข้าสู่เครื่องย่อยสลายขยะเศษอาหารอัตโนมัติเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป การรวบรวมขยะที่สามารถ Recycle ได้ จากถัง แยก แลก ยิ้ม และร้านค้าปลีกเพื่อนำไปจัดการอย่างถูกวิธีผ่าน Youเทิร์น Platform นอกจากนี้ ร้าน Café Amazon ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ PTT Station แฟลกชิป ถนนวิภาวดี 62 ได้มีการออกแบบภายใต้แนวคิด Café Amazon Concept Store โดยมีการใช้วัสดุทดแทนที่มีกระบวนการใช้ทรัพยากรในการผลิตอย่างมีคุณค่าสูงสุด หรือ Circular Economy ในการตกแต่งในร้าน รวมถึงออกแบบให้มีการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งส่งผลให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว (Leadership in Energy and Environmental Design: LEED)  

โครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่ กลุ่ม ปตท.

          OR ร่วมผนึกกำลังภาคีกับกลุ่ม ปตท. พร้อมกับภาครัฐ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ โครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่ ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น การสนับสนุนงานวิจัยและแบ่งปันข้อมูลเชิงวิชาการ การปลูกป่าใหม่และฟื้นฟูบำรุงป่าเก่า ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าชุมชน และป่าชายเลน โดย OR ได้มีการปลูกป่าใหม่และปลูกเสริมป่าเก่าร่วมกับกรมป่าไม้ จำนวน 1,500 ไร่ และการบำรุงรักษาป่าชุมชนร่วมกับมูลนิธิแม้ฟ้าหลวง จำนวน 8,100 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแห่งกักเก็บคาร์บอน รวมไปถึงสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2593 อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG  

โครงการความร่วมมือการพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF)

          นอกจากนี้ OR ยังร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. และการบินไทย ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่อง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดยเริ่มเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ให้กับเที่ยวบินนำร่องของการบินไทย เส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงเดือนธันวาคม 2566 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยการขยายผลไปสู่ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่า และสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ